Multiplexing_ระบบสื่อสารแอนะลอก

Multiplexing

���������� หมายถึง��� เทคนิคอย่างหนึ่งที่นำมาใช้ในการสื่อสารและในการทำงานของ input/output เพื่อการถ่ายทอดสัญญาณต่างๆ หลายชนิด ผ่านช่องสัญญาณ หรือสาย การสื่อสารไปพร้อมๆ กันในสายเดียว เทคนิคของ multiplexing สามารถแยกความแตกต่างของสัญญาณต่างๆ เช่น แยกเวลา แยกพื้นที่ และแยกความถี่ของสัญญาณแต่ละชนิดออกจากกัน


���������� วิธีการทำ���
Multiplexing��� ถูกนำมาใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารที่เป็นระยะทางไกล (long-haul communication) ชุดของสายสัญญาณ (Trunk) ที่นำมาใช้ในการติดต่อระยะทางไกล ( long-haul network) เป็นเส้นใยนำแสงที่มีประสิทธิภาพสูง หรือสายโคแอกเชียล หรือผ่านไมโครเวฟ การเชื่อมต่อนี้สามารถนำเสียงผ่านไปได้ในอัตราสูงในปริมาณมาก และสามารถส่งผ่านสัญญาณเสียงไปได้ทันทีโดยใช้วิธีการ multiplexing

pic_01.JPG

������������ จากรูป แสดงให้เห็นหน้าที่ของการทำ multiplexing ในรูปแบบที่ง่ายมีจำนวนอินพุท จำนวน n อินพุทเข้าไปที่มัลติเพลกเซอร์ ( multiplexer) ตัวมัลติเพลกเซอร์ต่อเชื่อมเข้ากับสายเชื่อมต่อ ( link) เส้นเดียวเข้ากับ demultiplexer ด้วย link มีความสามารถ ในการส่งผ่านสัญญาณได้จำนวน n ช่องสัญญาณ (channel) ตัว multiplexer จะรวมเอาข้อมูล ( multiplex) จาก input line จำนวน n line และส่งผ่านสายสัญญาณเชื่อมต่อ ( data link) ที่มีความสามารถสูง เมื่อ demultiplexer รับ stream ข้อมูลที่เป็น multiplexed มาแยก ( demultiplexers) ออกไปตามช่องสัญญาณแล้วนำส่งไปยัง output line ที่ต้องการ

การนำเอาวิธีการ multiplexing มาใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น เป็นเพราะเหตุผลดังนี้

����������� อัตราการส่งข้อมูลยิ่งสูงมากขึ้นเท่าไร cost - effective การลงทุนสำหรับ transmission facility นั่นคือสำหรับ application ที่กำหนดให้และภายใต้ระยะทางที่กำหนดให้ค่าใช้จ่ายต่อ Kbps ลดลง เมื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ transmission facility ในทำนองเดียวกันค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์สำหรับส่งกระจายข้อมูล ( transmission) และการรับต่อ Kbps มีค่าลดลดเมื่อเพิ่ม data rate

อุปกรณ์สื่อสารข้อมูลแต่ละอย่างต้องการอัตราการรับส่งข้อมูล ในอัตราที่พอเหมาะเช่น สำหรับ terminal และ personal computer application อัตราการรับส่งข้อมูลขนาด 9600 bps และ 64 kbps ก็ถือว่าเพียงพอ

Multiplexing เป็นเทคนิควิธีการส่งข้อมูลไปพร้อมกันในเส้นทางเดียวกัน ระบบ Multiplexing มีอยู่ 2 ระบบ คือ

- MUX เข้ารหัส

- DEMUX ถอดรหัส

pic_02.JPG

ประเภทของ Multiplexing

Frequency - Division Multiplexing (FDM)

Wave - Division Multiplexing (WDM)

Time - Division Multiplexing (TDM)

- Synchronous TDM

- Asynchronous TDM

1. Frequency - Division Multiplexing (FDM)

Frequency - division Multiplexing ( FDM ) FDM ส่งข้อมูลแบบ Analog จะสนใจเรื่องความถี่ ทำหน้าที่เป็นทั้ง Input และ Output จะมี ความกว้างของสัญญาณมาก ในแต่ละสัญญาณถูกเปลี่ยนโดยใช้ carrier frequency หลังจากส่งแต่ละสัญญาณจะไม่กวนกัน เช่น broadcast radio

pic_03.JPG

การประมวลผล FDM (FDM Process)

- โทรศัพท์แต่ละตัวจะใช้คลื่นความถี่คล้ายกัน

- และจะถูกนำมารวมสัญญาณ ( Multiplexing) ด้วย carrier ทำให้ต่างกัน แล้วจึงส่งสัญญาณออกไปและ link ต้องมีเพียงพอที่จะส่ง

- ก่อนจะส่งไปในสายและแยกสัญญาณที่ผู้รับ

pic_04.JPG
pic_05.JPG

- DeMultiplexing จะมี filter คอยทำหน้าที่แยกสัญญาณไปตามอุปกรณ์แต่ละตัวว่าคลื่นของผู้รับตัวไหน

- และทำหน้าที่แยก carrier ออกจากสัญญาณและแยก data ให้อุปกรณ์ผู้รับแต่ละตัว

pic_06.JPG

2. Wave - Division Multiplexing (WDM)

มี concept ให้ FDM ยกเว้น DeMultiplexing ที่รวมและส่งในสาย fiber optic รวมเอาคลื่นที่มีความถี่แตกต่างกันที่มีความถี่สูงออกไปพร้อม ๆ กัน หลักการง่าย ๆ แต่เทคโนโลยีซับซ้อน แยกคลื่นแสงไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า หลักการเหมือน FDM เพราะใช้ความถี่ในการทำแต่เทคโนโลยีซับซ้อนเพราะมีการหักเหของแสง

pic_07.JPG

3. Time - division Multiplexing ( TDM )

TDM จะสนใจเรื่องของเวลา เหมาะกับงานด้าน Digital และมีคุณสมบัติ ในการใช้ link เดียวกันได้ แต่จะเรียงไปตามเส้นทาง TDM จะมีอยู่สองลักษณะ คือ

1. Character Interleaving ต้องมีการส่งข้อมูลอย่างน้อย 8 bit

2. Bit Interleaving พิจารณาข้อมูลเป็น bit เรียงกันเข้ามา

Interleaving

Synchronous TDM สามารถเปรียบเหมือนกับ Switch ที่หมุนเมื่อ Switch หมุนถึงผู้ส่ง ก็จะดึงข้อมูลทีละ 1 ตัวและหมุนด้วยความเร็วที่คงที่ แต่ถ้าไม่มีข้อมูลจะเป็น slot ว่าง Swithch จะหมุนด้วยอุปกรณ์ถึงอุปกรณ์ ที่อัตราคงที่และมีค่าบอกสิ่งที่กำหนด กระบวนการนี้เรียกว่า Interleaved

pic_08.JPG

TDM แบ่งได้ 2 ทาง คือ

- Synchronous

- Asynchronous

pic_09.JPG
pic_10.JPG

Synchronous TDM

ตัว Multiplexer จะเป็นตัวค้นหาว่า Device ไหนต้องการส่งโดยไม่สนใจว่า Device นี้จะส่งหรือไม่ หรือ Device นี้เสียหรือไม่ ซึ่งจุดนี้ทำให้เสียเวลา เกิดการ สิ้นเปลืองทรัพยากร และจะแบ่งเวลาไปให้เครื่องอื่นไม่ได้จะถูกจองไว้เฉพาะเครื่อง

pic_11.JPG

Asynchronous TDM

Asynchronous TDM หรือ STDM (Statistical Time Division Multiplexing) แบบแบ่งตามเวลาด้วยสถิติ เป็นเทคนิคการปิดรูรั่วของ Synchronous หลีกเลี่ยงขยะการเสียเปล่าของ ทรัพยากร ทำให้ระบบโดยรวมดีขึ้น

pic_12.JPG

STDM (Statistical Time Division Multiplexing)

ใน synchronous จะมี slot เท่ากันทุกตัว จะสร้าง slot ตามความต้องการในการส่งข้อมูล Multiplexing จะตรวจสอบข้อมูลใน line และส่งข้อมูลจนกระทั่ง frame เต็มอัตราข้อมูลที่ส่งต่ำกว่าอุปกรณ์ที่จะส่ง

pic_13.JPG

Framing

No flag หรือ SYNC มีหน้าที่คอยบอก address ต้องมีกลไลในการบอกแต่ละ frame โดยใช้หลักการดังนี้

- จะมี 1 บิตในการควบคุมแต่ละ TDM frame

- Identifible เป็นตัวควบคุมในแต่ละ frame

- 01010101 ไม่น่าจะอยู่บนช่องข้อมูล

- สามารถเปรียบเทียบการเข้ามาแต่ละช่องสัญญาณด้วยรูปแบบ Sync

pic_14.JPG
pic_15.JPG

multiplexing สามารถแยกความแตกต่างของสัญญาณต่างๆ เช่น แยกเวลา แยกพื้นที่ และแยกความถี่ของสัญญาณแต่ละชนิดออกจากกัน

pic_16.JPG

มัลติเพล็กเซอร์ (Multiplexer)

การทำงานของมัลติเพล็กเซอร์�� มัลติเพล็กเซอร์จะรับสัญญาณข้อมูลจากผู้ส่งข้อมูลจากแหล่งต้นทางต่างๆ�� ซึ่งต้องการจะส่งข้อมูลไปยังปลายทางในที่ต่างๆกัน�� ดังนั้นสัญญาณข้อมูลต่างๆเมื่อผ่านมัลติเพล็กซ์เซอร์ มัลติเพล็กซ์เซอร์ก็จะเรียงรวม(มัลติเพล็กซ์)กันอยู่ในสายส่งข้อมูลเพียงสายเดียว�� และเมื่อสัญญาณข้อมูลทั้งหมดมา ถึงเครื่องมัลติเพล็กซ์เซอร์ชึ่งเรียกว่า อุปกรณ์ดีมัลติเพล็กซ์เซอร์อีกเครื่องหนึ่งทางปลายทาง สัญญาณทั้งหมดก็จะถูกแยก ( ดีมัลติเพล็กซ์) ออกจากกันไปตามเครื่องรับปลายทางของแต่ละช่องทางสายส่งข้อมูลที่ใช้ในการส่งข้อมูลจะต้องมีความจุสูง จึงจะสามารถรองรับปริมาณข้อมูลจำนวนมากที่ถูกส่งผ่านมาพร้อมๆกันได้�� สายส่งข้อมูลดังกล่าว�� ได้แก่�� สายโคเอก�� สายไฟเบอร์ออป
ติก�� คลื่นไมโครเวฟ�� และคลื่นดาวเทียม

pic_17.JPG

วิธีการรวมช่องทางการสื่อสารข้อมูล�� หรือการมัลติเพล็กซ์ที่จะกล่าวถึงในที่นี้มีอยู่�� 3วิธี คือ

การมัลติเพล็กซ์แบบแบ่งตามความถี่�� (Frequency Division Multiplexing)หรือ FDM ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดโดยเฉพาะด้านวิทยุและโทรทัศน์

การมัลติเพล็กซ์แบบแบ่งตามเวลา�� (Time Division Multiplexing)หรือ TDMซึ่งรู้จักกันดีในชื่อของซิงโครนัส TDM (Synchronous TDM) ส่วนใหญ่จะใช้ในการมัลติเพล็กซ์สัญญาณเสียงดิจิตอล�� เช่น แผ่นเพลง CD

การมัลติเพล็กซ์แบบแบ่งตามเวลาด้วยสถิติ ( Statistical Time Division Multiplexing) หรือ STDM ซึ่งมี่ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อะซิงโครนัส TDM (Asynchronous TDM) หรืออินเทลลิเจนท์ TDM(Intelligent TDM) ในที่นี้เราจะใช้ชื่อเรียกสั้นๆว่า STDM สำหรับ STDM เป็นวิธีการมัลติเพล็กซ์ที่ปรับปรุงการทำงานมาจากวิธีซิงโครนัส TDM ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับจำนวนช่องทางให้ได้มากขึ้น

หน่วยควบคุมการแยกสัญญาณ ( Cluster Control Unit)

pic_18.JPG

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


Krusek

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
อิเล็กทรอนิกส์